Film school

Film school

Active Learning Filmmaking

บัดดี้ มีไว้ให้เดือด – Dork Devils

บทโครงสร้างเรื่อง
บัดดี้ มีไว้ให้เดือด – Dork Devils

[English script]

 Plot outline โดย สู่ดิน ชาวหินฟ้า, igood media.
มีเรื่องอื่นๆ รอคุณอยู่ ที่ ชุมชน คนรักดี / บทภาพยนตร์ เรื่องสั้น นวนิยาย

แนวคิดของเรื่อง (theme):

เมื่อคนที่เขารักถูกฆ่า จนไม่ต้องเป็นภาระให้ห่วงหาอาทร บวกกับ เลือดบ้า ที่คลั่งแค้น เขาจึงคิดทำ ในสิ่งที่มนุษย์ปกติ เขาไม่ทำกัน

แนวเรื่อง (genre):

แอ็คชั่น

เรื่องย่อ (synopsis):

มีคนเรียกผมว่า เดี่ยว เป็นทหารผ่านศึก จากภาคใต้มาแล้ว กลับมาบ้านแบบป้ำๆ เป๋อๆ แต่ผม ก็มีเมียและลูก และเมื่อผมได้มาพบกับ นัท เด็กหนุ่ม กตัญญู แต่ใจกล้า บ้าบิ่น เกินตัว เขาช่วยพาผม หนีออกมา จากแหล่งอาชญากรรม โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมกับนัท เผชิญปัญหาเดียวกัน คือ ถูกพวกอาชญากรต่างชาติ ฆ่าพ่อแม่ ลูกเมีย ตายหมด ผมและนัท ไม่เหลืออะไรให้หวัง และเป็นห่วงอีกแล้ว จึงผนึกเป็นใจเดียวกัน กลับไป ถล่มแหล่งอาชญากรรม จนสิ้นซาก ด้วยฝีมือของตนเอง โดยไม่ให้ใครมาเกี่ยวข้อง

โครงสร้างการดำเนินเรื่อง (Plot structure)

องก์-1

วันนี้ ผม รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร แต่รู้สึกว่าสดชื่นกว่าทุกวัน ผมยังคงถูกขังไว้ในห้อง โชคดีที่ไม่ได้ถูกมัดมือมัดเท้า และพวกมันก็ปฏิบัติกับผมเช่นนี้ มาตั้งแต่แรก ไม่รู้ว่าพวกมันจะให้ผมอยู่ในฐานะอะไร ตัวประกัน หรือแขก หรือนักโทษ เพราะมีอาหารวางไว้ให้พร้อม มีห้องน้ำ เตียงนอนค่อนข้างสบาย

ผมจะทำอะไร อยู่อย่างไรในห้องนี้ พวกที่ทำหน้าที่ยาม จะคอยเฝ้าดูผมทางภาพวงจรปิด แน่นอน ผมต้องคิดหนีไปจากที่นี่ แต่จะต้องวางแผนให้รอบคอบ ผมจึงไม่รีบร้อน หาจังหวะเหมาะๆ

เมื่อถึงเวลา แผนหลบหนีของผมก็เริ่มขึ้น เวลาผ่านไปนาน จนพวกมันผิดสังเกต จึงส่งคนสองคนมาดู คนพวกนั้นแต่งกายคล้ายทหารยุคขุนส่า แต่คงไม่ใช่ทหารหรอก ผมเดาเอานะ พวกมันสองคน ถือปืนเข้ามาในห้อง ไม่เห็นผมอยู่ในนี้ มันจึงรื้อค้นทั่วห้อง คนหนึ่งเจอทางหนีของผมแล้ว ผมแอบทำและซ่อนเอาไว้ มันโมโหมาก รีบรายงานและเรียกพรรคพวก ให้ออกตามล่าผมทันที ผมคิดเผื่อไวแล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผมหนีออกไป

หัวหน้าของพวกมัน บอกให้ตามไล่ล่าผม แบบจับเป็น ใครทำให้ผมถึงตาย มันผู้นั้น นอกจากจะไม่มีโอกาสกลับมาแล้ว ยังจะต้องตายตามผมไปด้วย ผมคิดว่า ผมจะต้องมีความสำคัญบางอย่างกับพวกมันแน่นอน ถึงขนาดต้องออกคำสั่งไม่ให้ฆ่าผม ให้จับผมเป็นๆ ส่งกลับมา หัวหน้าของพวกมัน โมโหมาก ที่ปล่อยให้ผมหนีออกไปได้ และยิ่งโกรธหนักขึ้นไปอีก ที่ไม่ยอมติดเครื่องติดตามตัวกันหนีให้ผมเสียแต่แรก ผมมานึกอีกที ผมนี่ก็ฉลาดไม่เบานะ ผมซ่อนตัวในผ้าห่ม ไม่ให้พวกมันเห็น แอบเปิดช่องทางหนีไว้ก่อนหน้าที่พวกมันจะมา เพื่อลวงให้มันสับสนและเข้าใจผิด

ผมรอจนกระทั่งบ่าย ทุกอย่างเงียบ เข้าใจว่าพวกมันออกตามหาผม น่าจะไปกันเกือบทั้งหมด โดยที่ไม่รู้ว่าผมยังอยู่ในบ้าน ผมถือโอกาส พาตัวเองหนีออกมาทางช่องทางหนี ซึ่งผมวางกลลวงไว้แล้ว มันเป็นรูที่ลอดออกได้พอดีกับลำตัวผม แต่ก่อนไป ผมทำลายกล้องวงจรปิดซะก่อน

คนพวกนั้นมันสะเพร่าน่าดู ที่ปล่อยให้ประตูห้องแล็บเปิดไว้ อาจเป็นเพราะรีบรนเกินไปก็ได้ ผมแอบเข้าไปข้างใน เห็นอะไรที่พอเป็นประโยชน์ก็คว้าเอาไว้ก่อน ผมดึงลิ้นชักตู้เปิดออกมา รีบรื้อๆ ค้นๆ อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งบังเอิญไปพบสิ่งหนึ่งเข้า ที่มันกลายเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตการผจญภัยของผม เปลี่ยนไป ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าในนั้นมีเงินอยู่ ไม่ใช่น้อยๆ ผมหยิบเอาเงินในลิ้นชักจนเกลี้ยง มันมีอยู่ห้าปึก ผมไม่เสียเวลานับว่าปึกนึงมีเท่าไร เอาเป็นว่ามันเป็นแบงค์พันล้วนๆ ผมยัดเงินนั่น ใส่กระเป๋าเป้ สะพายหลัง ติดตัวไปด้วย ผมคิดว่า เงินแค่นี้ ไม่พอกับค่าเสียหาย ที่พวกเขาทำกับผมหรอก นี่แค่เป็นค่าดอกเบี้ยเท่านั้น

ทีแรกผมจะค้นหาอาวุธปืนไว้ป้องกันสักกระบอก แต่ไม่ทันเวลาแล้ว เพราะมีเสียงคนเอะอะ เดินมาทางที่ผมซ่อนอยู่ ผมจึงรีบออกจากห้องแล็บ ก่อนที่พวกมันจะมาเห็น ผมงัดประตูออกทางหลังบ้าน หลบซิกแซกไปตามรั้วตึก พยายามไปให้เร็วที่สุด เพื่อหลบกล้องวงจรปิด ผมโชคดีมาก ที่ออกจากป่าช้านั่นได้ ผมตรงไปที่ถนนอีกด้าน หนามแทงฝ่าเท้าเจ็บน่าดู แต่ก็ต้องทนย่ำเท้าเปล่าไปก่อน

ผมต้องรีบ และระวัง ให้มากที่สุด เพราะโชคไม่เข้าข้างผม ตลอดไปแน่ ที่มุมถนนของหมู่บ้าน ผมเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ขับรถจักรยานยนต์รุ่นวิบาก และเสียงดัง ไปซื้อของที่ร้านค้า

โชคดีที่วันนี้ ไม่มีคนพลุกพล่าน ผมรอโอกาสให้เขาซื้อจนเสร็จ พอเขาขับมาถึงมุมเลี้ยว เขาชลอความเร็ว ผมเข้าขวางทางไว้ เขาหยุดรถกระทันหัน เกือบชนผม และเกือบล้ม ผมขอโทษ และบอกว่าจ้าง ให้ไปส่งที่ตลาด เขามีทีท่าลังเล เพราะเห็นผม เป็นคนแปลกหน้า และแต่งกาย ไม่เหมือนชาวบ้านที่นี่ แถมรองเท้าก็ไม่ใส่ ผมถามเด็กหนุ่มคนนั้นว่าชื่อ อะไร เขาบอกว่าชื่อ นัท ผมบอกว่า นัท ผมจ้าง พันหนึ่งให้พาผมไปส่งที่ตลาด แบบด่วนเลยนะ ผมต้องสร้างแรงจูงใจก่อน ผมอ้างว่า อยากชมทิวทัศน์รอบๆ เพราะผมเป็นนักสำรวจพื้นที่ นัทก็เชื่อ เขาบอกนี่โชคดีนะที่เป็นรถรุ่นวิบาก ไม่เช่นนั้นเขาไม่ยอมไปทางนี้เด็ดขาด

ผมคิดเผื่อไว้แล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผมหนีออกไป หัวหน้าของพวกมัน บอกให้ตามไล่ล่าผม แบบจับเป็น ใครทำให้ผมถึงตาย มันผู้นั้น นอกจากจะไม่มีโอกาสกลับมาแล้ว ยังจะต้องตายตามผมไปด้วย ผมคิดว่า ผมจะต้องมีความสำคัญบางอย่างกับพวกมันแน่นอน ถึงขนาดต้องออกคำสั่งไม่ให้ฆ่าผม ให้จับผมเป็นๆ ส่งกลับมา

หัวหน้าของพวกมัน โมโหมาก ที่ปล่อยให้ผมหนีออกไปได้ และยิ่งโกรธหนักขึ้นไปอีก ที่ไม่ยอมติดเครื่องติดตามตัวกันหนีให้ผมเสียแต่แรก ผมมานึกอีกที ผมนี่ก็ฉลาดไม่เบานะ ผมซ่อนตัวในผ้าห่ม ไม่ให้พวกมันเห็น แอบเปิดช่องทางหนีไว้ก่อนหน้าที่พวกมันจะมา เพื่อลวงให้มันสับสนและเข้าใจผิด

ผมรอจนกระทั่งบ่าย ทุกอย่างเงียบ เข้าใจว่าพวกมันออกตามหาผม น่าจะไปกันเกือบทั้งหมด โดยที่ไม่รู้ว่าผมยังอยู่ในบ้าน ผมถือโอกาส พาตัวเองหนีออกมาทางช่องทางหนี ซึ่งผมวางกลลวงไว้แล้ว มันเป็นรูที่ลอดออกได้พอดีกับลำตัวผม แต่ก่อนไป ผมทำลายกล้องวงจรปิดซะก่อน คนพวกนั้นมันสะเพร่าน่าดู ที่ปล่อยให้ประตูห้องแล็บเปิดไว้ อาจเป็นเพราะรีบรนเกินไปก็ได้ ผมแอบเข้าไปข้างใน เห็นอะไรที่พอเป็นประโยชน์ก็คว้าเอาไว้ก่อน ผมดึงลิ้นชักตู้เปิดออกมา รีบรื้อๆ ค้นๆ อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งบังเอิญไปพบสิ่งหนึ่งเข้า ที่มันกลายเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตการผจญภัยของผม เปลี่ยนไป

ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าในนั้นมีเงินอยู่ ไม่ใช่น้อยๆ ผมหยิบเอาเงินในลิ้นชักจนเกลี้ยง มันมีอยู่ห้าปึก ผมไม่เสียเวลานับว่าปึกนึงมีเท่าไร เอาเป็นว่ามันเป็นแบงค์พันล้วนๆ ผมยัดเงินนั่นใส่กระเป๋าเป้ สะพายหลังติดตัวไปด้วย ผมคิดว่า เงินแค่นี้ไม่พอกับค่าเสียหายที่พวกเขาทำกับผมหรอก นี่แค่เป็นค่าดอกเบี้ยเท่านั้น ทีแรกผมจะค้นหาอาวุธปืนไว้ป้องกันสักกระบอก แต่ไม่ทันเวลาแล้ว เพราะมีเสียงคนเอะอะ เดินมาทางที่ผมซ่อนอยู่ ผมจึงรีบออกจากห้องแล็บ ก่อนที่พวกมันจะมาเห็น ผมงัดประตูออกทางหลังบ้าน หลบซิกแซกไปตามรั้วตึก พยายามไปให้เร็วที่สุด เพื่อหลบกล้องวงจรปิด ผมโชคดีมาก ที่ออกจากป่าช้านั่นได้ ผมตรงไปที่ถนนอีกด้าน หนามแทงฝ่าเท้าเจ็บน่าดู แต่ก็ต้องทนย่ำเท้าเปล่าไปก่อน

ผมต้องรีบและระวังให้มากที่สุด เพราะโชคไม่เข้าข้างผมตลอดไปแน่ ที่มุมถนนของหมู่บ้าน ผมเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ขับรถจักรยานยนต์รุ่นวิบาก และเสียงดัง ไปซื้อของที่ร้านค้า โชคดีที่วันนี้ ไม่มีคนพลุกพล่าน ผมรอโอกาสให้เขาซื้อจนเสร็จ พอเขาขับมาถึงมุมเลี้ยว เขาชลอความเร็ว ผมเข้าขวางทางไว้ เขาหยุดรถกระทันหัน เกือบชนผม และเกือบล้ม ผมขอโทษ และบอกว่าจ้างให้ไปส่งที่ตลาด เขามีทีท่าลังเล เพราะเห็นผมเป็นคนแปลกหน้า และแต่งกายไม่เหมือนชาวบ้านที่นี่ แถมรองเท้าก็ไม่ใส่

ผมถามเด็กหนุ่มคนนั้นว่าชื่อ อะไร เขาบอกว่าชื่อ นัท ผมบอกว่า นัท ผมจ้าง พันหนึ่งให้พาผมไปส่งที่ตลาดแบบด่วนเลยนะ ผมต้องสร้างแรงจูงใจก่อน ผมให้นัทไปห้าร้อยก่อน เขาตอบตกลงพาผมไป ผมเกรงว่าพวกนั้นจะตามมาทัน จึงบอกให้นัทพาไปทางลัด หรือไม่ก็ทางอื่น ที่ไม่ค่อยมีรถวิ่ง นัทสงสัยว่าทำไมไปทางแบบนี้ มันทั้งช้าและขรุขระ ผมอ้างว่า อยากชมทิวทัศน์รอบๆ เพราะผมเป็นนักสำรวจพื้นที่ นัทก็เชื่อ เขาบอกนี่โชคดีนะที่เป็นรถรุ่นวิบาก ไม่เช่นนั้นเขาไม่ยอมไปทางนี้เด็ดขาด

องก์-2

ระหว่างทาง ผมกับนัท เริ่มคุ้นเคยกัน เขามีพ่อ แม่ และน้องชาย เขากำลังเรียน ชั้นปีที่ 3 ที่ วิทยาลัยช่างเทคนิค ที่ตัวจังหวัด พ่อของเขา มีอาชีพขับบรรทุกรับจ้าง เขาเคยช่วยพ่อของเขา ขับรถ ไปส่งของบ่อยๆ ผมคิดว่า นัท เป็นคนกตัญญู เขายังเล่าต่อไปว่า เขามีทักษะพื้นฐาน วิชาช่าง เป็นอย่างดี แต่เขาชอบงานอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า ผมถามเขาว่า ที่วิทยาลัย มีสอนวิชาอิเล็กทรอนิกส์ อย่างนั้นรึ เขาตอบว่าไม่ เขาเรียนรู้จากอินเทอร์เน็ต.

พอถึงตลาด ผมจ่ายเงินค่าจ้างที่เหลือ ให้เขาอีกห้าร้อย ตามที่ตกลงกัน จากนั้น นัทบอกว่าเขาจะกลับบ้านแล้ว เพราะมีนัดกับเพื่อน แต่ผมยังไม่ต้องการให้เขากลับ ผมถามเขาว่าระหว่างไปตามที่เพื่อนนัดแล้วเสียเงิน กับช่วยเหลือผมทำอะไรบางอย่างง่ายกว่า แล้วได้เงิน นัทจะเลือกทำอะไร เขาหยุดคิด คงชั่งน้ำหนักว่าผมพูดจริงหรือไม่ เท่าที่ผ่านมา ผมเป็นฝ่ายเสนอให้ก่อน เขาน่าจะคิดได้ เพื่อซื้อใจเขาต่อ ผมบอกว่าเอาอย่างงี้ ระหว่างที่เขาตัดสินใจ ผมขอร้องให้เขา พาผมไปซื้อรองเท้า เสื้อผ้า ของที่จำเป็น และตัดผมด้วย ผมเอาเงินสองพันบาทยัดใส่กระเป๋าเขาโดยไม่รีรอ เขารู้สึกแปลกใจ ในความใจกว้างของผม ผมสังเกตดูเขามีสีหน้าเป็นมิตรมากขึ้น

ผมถามว่า รถจักรยานยนต์คันนี้ ซื้อมาราคาเท่าไร นัทบอกสามหมื่นจากเพื่อน. ผมถามเขาว่า เขาอยากได้ new bike หรือไม่? เขาบอกว่า Yes, เขาต้องใช้เวลารวบรวมเงิน เป็นเวลานานเกือบหนึ่งปี เพื่อซื้อ this bike. He แกล้ง ถามผม ว่า ผมจะซื้อรถคันใหม่ให้เขาหรือ. ผมตอบว่าใช่. เขาแสดงอาการดีใจ และ แปลกใจ เขาคิดว่า ผมพูดเล่นๆ

ผมยื่นเงื่อนไข ต่อไป ว่า ผมจะซื้อให้จริงๆ และซื้อตอนนี้ด้วย เพียงแต่ขอให้นัทรับปากว่า จะช่วยเหลือผมทำบางอย่าง ดูเขามั่นใจในตัวผมมากขึ้น นัทรับปากทันที พอผมบอกว่า ผมต้องการเข้ากรุงเทพ เท่านั้นแหละ เขาหัวเราะขึ้นมาทันที บอกว่าจะให้ขี่รถแก่เก่าๆ นี่ เข้ากรุงเทพอย่างนั้นรึ

ผมไม่พูดอะไร ปล่อยให้เขาหัวเราะต่อไป เขาพาผมไปซื้อรองเท้า เสื้อผ้า และ พาไปร้านตัดผม. แทนที่เขาจะพาไปร้านตัดผมสำหรับผู้ชาย แต่เขาพาผม ไปที่ร้านแต่งผม สำหรับผู้หญิง เขาอ้างว่าร้านตัดผมหญิง มีบริการทั้งตัดผม ดัดผม ตกแต่ง ได้หลาย style มากกว่า ร้านแต่งผมสำหรับผู้ชาย ครั้งแรก ผมคิดว่า เจ้าหมอนี่ มันก็บ้าได้ที่เหมือนกัน และผมก็ทดลองบ้า ไปกับเขาสักเรื่อง

ผมให้เขา นั่งรอผมในร้านตัดผม ด้วย. ช่างตัดผมเป็น กะเทย ผมใช้เวลาเข้าร้านแต่งแปลงกายนาน 45 นาที ผมเดินออกมา นัท เกือบจำผมไม่ได้เหมือนกัน ไม่คิดว่าร้านนี้จะสร้างเซอร์ไพร์ให้กับผมและนัท ผมจึงขอบคุณช่างทำผม ด้วยรางวัลอย่างงาม

บ่ายมากแล้ว ผมพานัทไปกินข้าว ในร้านที่มุมอับหน่อย โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้เมียตาม ความจริง ผมไม่ต้องการให้คนพวกนั้น สะกดรอยตามผมจนเจอ ผมอ้างว่า เมียผมจู้จี้ขี้บ่น ผมออกต่างจังหวัดทีไร ชอบจ้างคนมาจับตามองผม นัทเป็นเด็กหัวอ่อน เชื่อง่าย เขายังเล่าเสริมเรื่องของเขาอีกว่า เมียผมมีนิสัยเหมือนแม่ของเขา จนพ่อรู้สึกรำคาญ เหมือนที่ผมรำคาญนั่นแหละ นั่นเป็นบรรยากาศมิตรภาพแรก ที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราสองคน

ผมพานัท ไปที่ร้านขายรถจักรยานยนต์ โดยให้เขาเป็นคนเลือก นัทไม่ใช่คนหัวสูง เขามีรสนิยมง่ายๆ ไม่เช่นนั้น ผมคงเสียเงินไป กับการซื้อรถจักรยานยนต์ให้เขา ในราคาสูงเกินจริง มันตลกตรงที่ แทนที่เขาจะเลือกคันหรูราคาแพง แต่เขาเลือกรถตามสไตล์ที่เขาชอบ คือรถวิบาก แต่ซีซีสูงกว่าเท่านั้นเอง ในราคาแสนเศษๆ เขาคิดว่านั่นมันราคาสูงมากแล้ว ซึ่งทีแรกผมคิดว่าอย่างน้อยก็สองหรือสามแสน

ผมเห็นเขารู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด ก็ตอนที่ได้นั่งบนเบาะ และรับใบเสร็จ โดยมีชื่อของเขาเป็นเจ้าของรถ เขาเข้ามากอดผม ผมแนะเขาว่า ระหว่างที่อยู่ช่วยงานผม ให้ทางร้านบรรจุกล่องส่งรถไปทางขนส่ง ตามที่อยู่ของนัท ผมคิดว่า อย่างน้อยสองหรือสามวัน กว่าจะถึง นั่นจะเป็นผลดีต่อตัวเขาด้วย เขารู้สึกพอใจมาก และพร้อมจะทำตามที่ผมสั่ง เป็นอันว่าผมซื้อใจเขาได้จริงๆ

ผมถามนัทว่า เขาขับรถยนต์ได้ไหม เขาตอบว่าได้ เขาเคยช่วยพ่อขับรถบรรทุก ไปจนถึงหาดใหญ่ แล้วรถเก๋งล่ะ เขาบอกไม่เคย ผมบอก รถเก๋งนั่น ขับง่ายกว่าเยอะเลย นัทรู้สึกตื่นเต้น ถ้าได้ขับรถเก๋งจริงๆ ผมถามเขาว่า ถ้าจะให้ขับรถไปส่งที่กรุงเทพ เขาจะไปไหม เขาคิดว่าผมพูดหยอกเล่น และไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง ที่ว่าจะให้ขับรถไปส่งที่กรุงเทพนั่น เป็นรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ก็ในเมื่อผมไม่มีรถยนต์ จะให้ไปส่งอย่างไร และอีกอย่างต้องใช้เวลาข้ามคืน และนี่ก็จะค่ำแล้ว เขาต้องกลับบ้านไปบอกแม่ก่อน ผมถามว่า นอกจากบอกบอกแม่แล้ว อะไรสำคัญที่สุด เขาบอกไม่มีแล้ว เขาเคยถูกพ่อดุ ที่ไม่กลับบ้านสองวัน พ่อของเขาดุมาก เขากลัวพ่อมากกว่าแม่ เพราะพ่อชอบบังคับให้เขาเรียนหมอ แต่เขารู้ตัวว่าเขาทำไม่ได้ ผมถามว่าชอบเรียนอะไร เขาบอกอยากเรียนสายอาชีพ คือ ซ่อมรถ ผมเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง เขาถามว่าหัวเราะทำไม ผมบอกมันแปลกดี ที่จริง ผมอยากจะพูดคำอื่น มากกว่า เขาใฝ่ฝันว่า จะเป็นช่างซ่อม ที่ดีที่สุด จะได้ช่วยคนอื่น ที่รถเสีย และอีกอย่าง เดี๋ยวนี้ เป็นรถไฟฟ้าเสียส่วนใหญ่แล้ว เขาจึงต้องเรียนซ่อมรถไฟฟ้าด้วย

ผมยัดเงิน ใส่มือของเขา อีกห้าพันบาทไว้ติดตัว เขาสงสัยว่า ทำไมให้เงินเขาตั้งมากมาย ทั้งๆ ที่ เขายังไม่ได้ทำอะไร ให้ผมเลย ผมบอกนัทว่า ฟังให้ดีนะนัท ผมขอร้อง ให้เขาช่วยเหลือผม ไปจนสุดทาง ผมจะให้เงิน เขาเรียนช่างจนจบ ผมบอกจริง และ เขาก็เชื่อ และ อย่าถามผมว่าผมเป็นใคร และจะทำอะไร ขอให้ทำ ตามที่ผมสั่งก็พอ เขาตกลง อย่างไร้เงื่อนไข

งานนี้ผมจ่ายไปเยอะ แต่ผมไม่เสียดายมันหรอก เพราะผมคิดว่าจำเป็นต้องพึ่งพาเขา ที่จริงผมยังมีเงินอีกเยอะ ที่นัทยังไม่รู้ หลังจากนั้น ผมสั่ง ให้เขา พาผมไปที่ร้านขายรถยนต์มือสอง ทีแรก นัทเองก็แปลกใจว่า ผมเอาเงินมาจากไหน จึงสามารถซื้อรถยนต์ได้อีกหนึ่งคัน แต่เขาไม่กล้าถามผม ผมซื้อรถคันนั้น ใช้เงินไปอีก ห้าแสนบาทเศษ ผมจำเป็นต้องเลือกรถสภาพดี เพราะไม่ต้องการ ให้มีปัญหา ระหว่างเดินทาง จากนั้น ผมก็เอารถจักรยานยนต์คันเก่าของเขา ฝากขายต่อ

ผมให้นัทลองขับดูก่อน เขาพอใจมาก และดีใจมาก ที่มีโอกาสขับรถหรู และแรง ก่อนออกเดินทาง นัทขอโทรศัพท์ถึงแม่ก่อน ผมบอกตกลง นัทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

[flash forward scene]

แล้วโทรพูดกับแม่ว่า เขาจะอยู่ทำธุระกับเพื่อนที่ต่างจังหวัด สักวันหรือสองวัน แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมลืมนึกไปว่า นั่นกลับเป็นผลร้ายแก่ตัวเขาและพ่อแม่ เพราะพวกนั้น สืบรู้จนได้ว่า เขาเป็นคนพาผมหนีไป

พวกคนร้าย จึงจับพ่อแม่ของนัทไว้ ทุบตีเค้นเอาความจริงว่า นัทหายไปไหน และพาผมไปที่ไหนบ้าง พวกมันบังคับให้พ่อของนัท โทรถึงเขา เพื่อจะจับสัญญาณว่า นัทอยู่ตรงไหน เพราะพวกมันมีดาวเทียม สามารถจับคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ได้ พ่อของนัทถูกทุบตีจนทนไม่ไหว จึงโทรศัทพ์ถึงลูกชาย นัทรับโทรศัพท์พูดกับพ่ออยู่นาน ผมสังเกตเห็นนัทมีอาการตกใจ เหมือนจะร้องไห้ ผมเห็นท่าไม่ดี มันต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีกแน่ ผมจึงแย่งโทรศัพท์จากมือของเขามา แล้วทุบทำลายทิ้ง นัทโกรธผมมาก ที่ทำกับเขาอย่างนั้น เขาจึงชกหน้าผมไปทีหนึ่ง หมอนี่หมัดหนักเหมือนกัน ทำเอาผมเลือดออกปาก เขาจะชกผมอีกครั้ง ผมจับข้อมือเขาไว้

[return present]

นั่นคือ สิ่งที่ผมคิด วิตกกังวลไว้ล่วงหน้า ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้น อย่างแน่นอน

ผมจับ ข้อมือเขาไว้ แล้วบอกห้ามว่า อย่าใช้โทรศัพท์นั่น ผมบอกให้นัทขับรถไปเรื่อยๆ เขายินดีทำตามที่ผมสั่ง เขาไม่ถามในสิ่งที่ผมห้าม แต่ผมจำเป็นต้องบอกเขา

ผมให้เหตุผลว่า ถ้านัทโทรถึงพ่อกับแม่ คนพวกนั้นจะจับสัญญาณโทรศัพท์ได้ และสามารถรู้ตำแหน่งของเขากับนัทได้ และเมื่อรู้ว่านัทเป็นใคร เขาก็จะรู้ทันทีว่า นัทเป็นลูกของใคร จากนั้น พวกคนร้ายก็จะจับพ่อกับแม่ของเขาเป็นตัวประกัน เพื่อเอาไว้แลกเขาทั้งสองคน ผมบอกเขาเพียงเท่านี้ก่อน ทั้งๆ ที่ในใจแล้ว ผมรู้ดีว่า ผมได้ลากพานัทกับครอบครัว ตกอยู่ในภาวะอันตรายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว

ผมบอกว่า ในร่างกายของผม มีเลือด ที่มีคุณสมบัติ ต่อต้านไวรัส ชนิดหนึ่ง ซึ่งพวกคนร้ายต้องการ. ผมหนีพวกมันมา คนพวกนั้น มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการควบคุมเหยื่อ ไม่ให้หนีออกไปได้ ผมหยิบเอาเม็ดกระดุม ขึ้นมา แล้วบอกว่า นี่คือ เครื่องชี้บอกทาง ที่ผมขโมยมา นัทสงสัยว่า ผมจะหนีพ้นเหรอ เพราะ ขโมยเอาเครื่องบ้าๆ นี่ ติดตัวมาด้วย ผมบอกว่า ผมรู้วิธีหยุดมัน ตอนนี้ มันไม่ทำงาน แล้วผมก็เก็บมันไว้ ในกระเป๋า และนี่คือ ความจริงทั้งหมด ที่ผมเปิดเผยให้ เพื่อนร่วมชะตากรรม ฟังจนหมดสิ้น ไม่เหลือความลับใดๆ

ผมสังเกตว่า นัท รู้สึกคลายใจ และ หายสงสัยในตัวผมากขึ้น เขาถามผมว่า จะทำอย่างไรต่อไป เมื่อผมไปถึงกรุงเทพแล้ว ผมบอกว่า ผมจะส่งนัทกลับบ้าน ทางรถยนต์ จากนั้น ผมจะขับรถไปเอง นัทสงสัยว่า แล้วทำไม ผมไม่ขับมันไปเอง เสียแต่ตอนนี้ล่ะ ผมบอกว่า ผมไม่มีผู้ช่วย เผื่อผมง่วง หรือเผลอหลับ พวกคนร้ายอาจตามมาทัน ทุกอย่าง ก็จบกันพอดี

เวลาสองทุ่ม ผมให้นัท จอดแวะพัก ระหว่างทาง ผมรออยู่ในรถ ระหว่างเติมน้ำมัน และ บอกให้นัท ไปซื้ออาหารมากิน. ก่อนที่นัทจะกลับมา ผมทบทวน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผม ก่อนหน้านั้น

[back forward]

หลังจาก ส่งลูกไปโรงเรียนแล้ว ผมขับรถกลับบ้าน ระหว่างทาง ผมถูกกลุ่มคนร้าย จับตัวใส่รถเก๋งไป ผมถูกปิดปาก ไม่ให้พูดกับใคร คนร้ายคนหนึ่ง ค้นกระเป๋าเงินของผม มันพบบัตรเครดิต และ บัตรประชาชน ของผม ซึ่งเป็นหลักฐาน ยืนยันว่า ผม คือ เหยื่อเป้าหมายตัวจริง พวกมันยึดเอาหลักฐานทุกอย่างไป ส่วนคนร้าย อีกคน เอาเข็มฉีดยา ดูดเลือดของผม ไปผสมสารบางอย่าง ในหลอดแก้ว ที่มีน้ำสีขาวขุ่นๆ เขย่าสักพัก เลือดในหลอดแล้ว ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง มันพยักหน้าพอใจ

พวกคนร้ายอีกคนหนึ่ง จึงเอาผ้าปิดตาผมไว้ พาผมไปไหนไม่รู้ เวลาผ่านไป ราวชั่วโมงครึ่ง ผมรู้สึกว่า รถของคนร้าย วิ่งไปจอด สถานที่แห่งหนึ่ง. พวกมัน เปิดผ้าปิดปากปิดตาผมออก แล้วพาผม เข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง และผลักตัวผม เข้าไปอยู่ในห้องแคบๆ ห้องหนึ่ง

แม่เจ้าโว้ย ที่นี่ เป็นห้องแล็บ หรือห้องอะไร ผมไม่แน่ใจ มีเครื่องไม้ เครื่องมือ เกี่ยวกับแพทย์ เยอะแยะไปหมด ผมถูกจับไปนอนที่เตียง ใกล้กับเหยื่อของมันคนหนึ่ง แล้วมัดแขน ขา ของผม ตรึงไว้กับขอบเตียง ผมถูกดูดเลือด ไปหนึ่งกระปุกใหญ่ จากนั้น มันก็พาผม ไปขังที่ห้องห้องหนึ่ง ซึ่งใหญ่กว่า และดูสะอาดดี มีเครื่องอำนวยความสะดวก ให้พอสมควร แต่หนีออกไปไหนไม่ได้ มีกล้องวงจรปิด จับจ้องเฝ้าดูผมอยู่ตลอดเวลา

สองวันต่อมา พวกมันจับผมไปดูดเลือดอีก ผมรู้สึกว่า ในห้องปีศาจนี่ ไม่มีใครถูกดูดเลือดเลย นอกจากผมคนเดียว หรือว่า พวกมันเป็นสมุนของ พวกปีศาจแวมไพร์ พวกมัน จะดูดเลือดผม จนตายหรืออย่างไร แต่มันก็ไม่ทำให้ผมถึงตาย ดูดครั้งหนึ่ง มันก็ให้ผมหยุดพัก และกินอาหารบำรุง จนมีเลือดอีก แต่กระนั้น ผมถูกดูดเลือดไปสามครั้ง ก็ทำให้ผมดูซีดไปไม่น้อย ครั้งที่สี่ ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่า พวกมันเป็นใคร มีวัตถุประสงค์อะไร เอาเลือดผมไปทำอะไรตั้งมากมาย

ผมแกล้งสลบ เพราะผม ถูกดูดเลือดไปมากผิดปกติ จนกระทั่ง พวกมันเชื่อว่า ผมอ่อนเพลียมาก จนหมดสติ ผมแอบฟัง พวกมันพูด วันก่อนๆ มันจะพูดไทยเหนือ สลับกับภาษาจีน พอพูดภาษาจีน มันจะพูดเบามาก แต่วันนี้ ผมโชคร้าย มันเสือกพูดภาษาจีน เกือบทั้งหมด เอาละ ผมจำเป็นต้องงัด ตำราภาษาจีน ที่อยู่ในหัว ออกมาให้หมด

ผมจับใจความได้ว่า พวกมัน เอาเลือดของผม ไปผสมกับอะไรบางอย่าง แล้วแจกจ่ายให้ พวกของมัน คนหนึ่งพูดว่า เลือดผมแข็งแรง ผมเลยเดาเอาว่า เลือดของผม คงจะมีเชื้อต้านไวรัสอย่างหนึ่ง แน่นอน เพราะตอนที่ผมถูกจับ เห็นมันทดสอบ ผสมเลือดของผมแล้ว และตอนที่ผม จะก้าวข้ามพ้นประตูบ้านมา ผมเห็นศพคนตาย นอนตายอยู่ในบ้าน ราว 4–5 ศพ มันปล่อยให้พวกคนป่วยเหล่านั้น ตาย อย่างน่าอนาถ

ผมแอบเห็น พวกมัน มีวัตถุสิ่งหนึ่ง คล้ายเม็ดกระดุม แปะติดที่ผิวหนังด้านหลัง ของเหยื่อผู้หนึ่ง ก่อนติด ผมเห็นมันใช้ ปลายเข็ม จิ้มๆๆๆ ที่รูเล็กๆ คล้ายเป็นสัญญาณรหัสบางอย่าง ผมไม่รู้ว่า ติดแล้ว มันจะแกะออกหรือไม่

สองวัน ถัดมา ผมถูกจับไปดูดเลือดอีกครั้ง คราวนี้ ผมไม่เห็นเหยื่อ ที่เป็นผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่มีชายผู้เคราะห์ร้าย อีกคน มาแทนที่ และ พวกเขา ก็ทำกับเหยื่อเคราะห์ร้าย เหมือนคนก่อน ผมเดาเอาว่า เม็ดกระดุมนั่น คงเป็นจีพีเอส ระบุตำแหน่ง หรือพิกัด สำหรับติดตามตัวชายคนนั้น อย่างแน่นอน

ผมสังเกตว่า วันนี้ พวกมัน มาทำงาน แค่สามคน ปกติ มันจะทำหน้าที่ หกคน คงมีบางคนลาพัก ผมแสร้ง ทำเป็นอ่อนเพลียจัด จนพวกมันคนหนึ่งเชื่อ จึงไม่ใช้สายรัดตัวผมกับเตียง แน่นหนา เหมือนทุกครั้ง พอพวกมันเผลอ ผมรีบลุกไปแกะ เอาเม็ดกระดุมที่หลัง ของเหยื่อผู้ชายรายล่าสุด ออกมา โชคดี ที่มันยังไม่เกาะผิวหนัง ผมรีบกลับไป นอนแน่นิ่งบนเตียง อมเม็ดกระดุมนั้นไว้ ในปากใต้ลิ้น ทำเป็นสลบหมดแรง พวกมันกลับมา ไม่พบเม็ดกระดุมนั่น จึงทะเลาะกันใหญ่ ต่างโทษกันไปโทษกันมา ไม่รู้ว่าใครทำกระดุมหาย หรือว่า ยังไม่ได้เอามาติด คนหนึ่ง ก้มค้นหาที่พื้น และที่เตียง จนทั่วบริเวณ ก็ไม่พบ ขณะนั้น จะมีหัวหน้า มาตรวจ มันจึงต้อง รีบแก้ไขสถานการณ์ ในที่สุด มันคนหนึ่ง แก้ปัญหา โดยรีบไปเอาเม็ดกระดุมอีกอันหนึ่ง มาแปะที่หลังเหยื่อเข้าไปใหม่ พร้อมกำชับว่า อย่าทำหายอีก จะซวยกันทั้งทีม

พอหัวหน้าของพวกมันมาถึง และเห็นว่า ติดกระดุมให้เหยื่อเรียบร้อยแล้ว จึงออกไป นายมันเป็นคนร่างเตี้ย หันมามองผม ผมทำตาปลือๆ เหมือนคนหมดแรง เขาเดินมาที่ร่างของผม ตบหน้าเบาๆ คล้ายจะปลุกให้ตื่น จริงแล้วๆ ผมก็เกือบหลับเหมือนกัน ภาวนาว่าอย่าตบแรงกว่านี้ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่ผมอมไว้อาจจะหลุดออกมา โชคดี เขาหยุดและสั่งให้พักผมไว้อีกเจ็ดวัน

เมื่อกลับมาถึงที่พัก ผมรีบเอาเข็มแหลมๆ ที่ซ่อนไว้ มาสุ่มจิ้ม ลงไปในรู ของเม็ดกระดุม ผมทำแบบเดียวกันกับ ที่พวกมันทำ ผมเดาว่า รูเล็กๆ สามรู ในเม็ดกระดุมนั่น มันคือการใส่รหัส ให้มันทำงาน หรือไม่ก็ หยุดมัน ถ้าผมจิ้มผิดรู ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้องลองเสี่ยงดู ผมกดรูตรงกลาง ผมเดาเอาว่า รูตรงกลาง คือรูปิดเปิดสวิทชย์ พอผมเอาเข็ม จิ้มรูตรงกลาง เท่านั้นแหละ ผมเห็นพวกมันที่ห้องควบคุม วิ่งกันวุ่น เหมือนมีอะไรหายไปจากจอ ผมขอบคุณพระเจ้า มันได้ผล ผมจึงเก็บเอาเม็ดกระดุมติดตัวไว้ เผื่อจะมีประโยชน์ในวันข้างหน้า

ผมถูกขังอยู่ในห้อง เจ็ดวัน พวกมันคงจะขุน ให้ผมมีเลือดเพิ่มขึ้น อีกสักหน่อย แล้วค่อยเอาไปดูดใหม่ ระหว่างพัก ผมต้องเรียนรู้กลไกต่างๆ ที่ควบคุมทางเข้า ทางออก ของพวกมันให้มากที่สุด โดยเฉพาะ ระบบทีวีวงจรปิด และผังของบ้าน จากประสบการณ์ การเป็นทหารป่าของผม ได้ช่วยชีวิตผมในตอนนี้ และผมก็ไมละเลย ที่เรียนรู้ ภาษาพูดของพวกมันเพิ่มเติม ซึ่งช่วยผมได้มาก

ต่อจากนี้ ผมจะต้องหนีให้สำเร็จ ตอนค่ำของวันที่หก ผมคงไม่รอ ให้ถึงวันพรุ่งนี้แน่ ผมรู้สึกแข็งแรงขึ้นมาก ผมสร้างทางหลบหนีไว้ ในห้องน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อน ของบ้านหลังนี้ ผมทำมันไว้ ตั้งแต่วันแรก ที่มาถึง ผมค่อยๆ แกะอิฐออกทีละก้อน ทีละก้อน ทำทุกวัน จนกระทั่งเป็นรูพอมุดรอดไปได้ แล้วปิดไว้เหมือนเดิม เพื่อรอโอกาสเหมาะ ที่จะหนีออกไปจากนรกนี่

[end of back forward]

ผมรอนัทอยู่ในรถ นานผิดสังเกต ผมเริ่มสงสัยว่า เขาอาจจะก่อเรื่องไม่สบายใจ ให้ผมเสียแล้ว ผมจำเป็นต้องลองเสี่ยง เปิดประตูรถ แล้วเดินออกไปตาม มีผู้ชายคนหนึ่งบอกว่า เห็นเขาขึ้นรถบัสประจำทาง คันหนึ่งไปแล้ว อีกคนบอกว่า ไปทางทิศเหนือ แต่อีกคน บอกว่า ไปทางทิศใต้ ตกลงมันทางไหนกันแน่ แต่ผมไม่รอ ฟังคำวินิจฉัย เพราะผมรู้ว่า รถบัสคันนั้น วิ่งไปทางทิศไหน

ผมรีบไปที่รถ ปิดประตู ขับมันออกไป จากปั๊มพ์โดยเร็ว ผมไม่ได้ย้อนกลับไปทางเดิม ตามที่คิด แต่ผมไปตามที่ผมรู้ ไม่นาน ผมเห็นรถบัสสีเหลืองคันหนึ่ง มันกำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าผม คงเป็นคันนี้แน่ ผมขับแซงมัน ทางด้านซ้าย แล้วเบียดไปทางขวา แล้วชลอความเร็ว จนกระทั่งรถหยุด ผมเดินลงจากรถ คนขับรถบัส อารมณ์เสีย สบถด่าโคตรเง่าศักราชของผม อย่างเสียๆ หายๆ แต่ผมไม่พูดอะไร เพราะถ้ามีใครขับรถ มาปาดหน้าผม อย่างนี้ ผมก็คงด่าไปเหมือนกัน ผมเดินไปเคาะประตูรถบัส ทันทีที่มันเปิด ผมรีบเข้าไปบนรถ ซึ่งมีผู้โดยสารแค่สี่ห้าคน รวมนัทอีกคนเป็นหกคน ผมเผชิญหน้ากับพนักงานประจำรถคนหนึ่ง ร่างกำยำ เดินมาผลักอกผม ผมชกไปทีหนึ่ง ตอนที่เขาเผลอ แล้วเอามือ ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ทำเป็นปืน เพื่อข่มขู่ แผนของผม ได้ผล สยบความซ่า ของเขา ได้ระยะหนึ่ง ผมรีบไปลาก เอาตัวของนัท ลงมาจากรถบัส จากนั้น คนขับรถบัสรีบขับออกไป โชคดี ที่เจ้าของรถไม่กล้ายุ่งกับผมมากไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะเล่นบทอะไร เพื่อตบตาพวกเขาต่อ

ผมลากตัวของนัท ไปที่รถ นั่งที่เบาะคนขับ ผมรับปากว่า จะไม่ทำอะไรเขา แต่ขอให้เขา รักษาสัญญา ตามที่ตกลงกันไว้ นัทสำนึกผิด เขารับปากว่า จะไม่ทำเช่นนั้นอีก ผมให้นัทขับรถ หลีกไปอีกเส้นทางหนึ่ง เขาถามผมว่า ผมรู้ได้อย่างไร ว่าเขาจะไม่ย้อนกลับ ทางเดิม ผมเอามือของผม ล้วงเข้าไปใน กระเป๋าเสื้อ ของเขา แล้วหยิบเม็ดกระดุมออกมา เพื่อบอกความจริงแก่เขา

เขาถามว่า นั่นอะไร มันเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเขาตั้งแต่เมื่อไร ผมอธิบายต่อไปว่า เพราะไอ้นี่นี่แหละ ที่ทำให้ผมรู้ว่า เขาอยู่จุดไหน ในประเทศนี้ หรือโลกใบนี้. ผมบอกว่า ผมแอบเปิดสวิทชย์มันก่อน ก่อนที่จะยัดมันใส่ลงไปในกระเป๋าของนัท เม็ดกระดุมนั่น มันส่งสัญญาณ เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของผมได้ และ มันก็เชื่อมต่อ กับเครื่องรับสัญญาณ ของคนร้าย ได้เช่นกัน ผมกับนัท จะต้องรีบหนีไป ให้พ้นจากเขตนี้ โดยเร็วที่สุด

ผมรีบเอาเข็ม จิ้มปุ่มทั้งสาม แบบมั่วๆ ไป ให้มันช็อต หรือไม่ก็สับสน ป่านนี้ พวกคนร้าย คงรู้ตำแหน่งของผมแล้ว ผมเหวี่ยงมันทิ้งไป สั่งให้นัท เร่งความเร็วขึ้นอีก แล้วขับหลบอ้อมไปทางตะวันออก ซึ่งจะทำให้ ระยะทางถึงกรุงเทพ ไกลขึ้น เพราะผมไม่มีทางเลือกอื่น ที่ดีกว่านี้

พวกมัน คงสับสนไม่น้อย ที่ตามผมไม่เจอ มันจะเจอได้อย่างไร ในเมื่อ ผมแวะไปภาคอีสาน แล้ววกกลับเข้ากรุงเทพ ผ่านสระบุรี ถึงกรุงเทพ ก็ตอนสาย

ผมรักษาสัญญา ที่ให้ไว้กับนัท ก่อนอื่น ผมไปเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ให้เขา สี่แสนบาท ไว้เป็นค่าเรียนหนังสือ เขากล่าวขอบคุณผม อย่างซาบซึ้งใจ และ เพื่อเป็นการตอบแทน เขาอาสาจะขับรถให้ผม ไปทำธุระที่กรุงเทพให้เสร็จเสียก่อน จึงจะกลับบ้าน

ผมสั่งให้นัท ขับรถแวะไป ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติของผม เมื่อไปถึง ผมให้เขารอที่รถ ผมเข้าไปในบ้านคนเดียว ทันทีที่ อาคม ลูกของลุงของผม เห็นเข้า เขาทั้งตกใจ และ ดีใจ ที่พบผม อาคม บอกว่า พวกญาติๆ ตามหาผม เป็นการใหญ่ พวกเขาบอกว่า ผมอาจตายไปแล้วก็ได้ แต่ผมยังอยู่ ผมบอกว่า ผมยังกลับบ้าน ตอนนี้ไม่ได้ นี่เป็นความลับ อย่าแจ้งตำรวจ อย่าบอกใคร เป็นอันขาด ผมถามถึง ลูกเมียของผม จิน เมียของ อาคม ร้องไห้ บอกผมว่า ลูกเมียของผม ตายแล้วทั้งคู่.

ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อกลม โป่งขึ้นมาอุดที่สมอง และมีแรงบางอย่าง ดูดเอาเลือดจากหัวใจของผมออกไป ผู้รู้สึกชา และหายใจไม่ออก อยู่ครู่หนึ่ง น้ำตาของผม มันระเบิดออกมา ร้องไห้ไม่ออก เพราะมีก้อนเนื้อมาอุด จมูกและลำคอ มันเป็นเช่นนั้น อยู่พักหนึ่ง ผมบอกไม่ได้ว่า ความสงสาร และ ความเคียดแค้น มันเกิดก่อนหลังกัน ผมรู้สึกปนเปกันไปหมด ผมไม่รู้ว่า จะจัดการเรื่องนี้ อย่างไรดี ผมขอร้อง ให้ อาคม พาพ่อกับแม่ของผม มาซ่อนตัว ที่กรุงเทพ อาคม รับปาก และ ถามผมว่า เหตุการณ์อันชั่วราย มันเกิดกับครอบครัวของผม ได้อย่างไร ผมเล่า อย่างรวบรัดว่า ผมถูกกลุ่มคนร้าย จับตัวไป แต่หนีรอด ออกมาได้ พวกมัน กำลังตาม ตัวผมอยู่ และ พวกมัน จะต้องตามตัวผม ให้พบแบบเป็นๆ พวกมัน จะไม่ฆ่าผม แต่ผมจำเป็นต้องหนี อาคม ถามว่า ผมจะไปที่ไหน และ จะทำอย่างไรต่อไป ผมบอก ผมไม่รู้

ผมเดินกลับมาที่รถ ภายในรถ ว่างเปล่า นัท หายไป ผมภาวนาว่า อย่าให้เขา ทรยศผม เป็นครั้งที่สองเลย ผมตะโกนเรียกนัท นัท ไปแอบร้องไห้ที่มุมตึก ในมือของเขาถือหนังสือพิมพ์ ผมอ่านข่าวในนั้น พ่อแม่ของนัท ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม นี่มันร้ายแรงยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก นัทบอกว่า พ่อกับแม่ถูกคนร้ายจับไป พวกมันปล่อยออกมา พอไปแจ้งความพวกเขาก็ตาย ตำรวจทำอะไรไม่ได้เลย ผมบอกเขาว่า ผมก็ตกอยู่ในสถานการณ์ เดียวกันกับเขา ลูกเมียก็ถูกมันฆ่าตายเช่นเดียวกัน เมื่อเขาได้ฟังเรื่องร้ายๆ ของผม ทำให้เขาคลายใจขึ้นมาบ้าง ผมถามนัทว่า เขาจะเอาอย่างไรต่อ นัทบอกไม่รู้ จะให้เขาทำอะไรก็ได้ เพราะเขาก็ไม่มีที่ไปเช่นกัน

ผมจำเป็น ต้องสืบให้รู้แน่ชัดว่า กลุ่มคนร้าย เป็นใคร ทำไม ตำรวจไม่รู้เบาะแส และ แหล่งซ้องสุม ของพวกมันเลย แต่ผมรู้ดีว่า แหล่งกบดาน ของพวกมัน ซ่อนอยู่ตรงไหน มิน่าเล่า พวกมันจึงต้อง ออกตามล่าผม ให้ได้ ผมคิดว่า ผมก็ไม่เหลืออะไรเช่นกัน มันฆ่าลูกเมียผม ผมอยู่ข้างนอก ผมอยู่เหนือพวกมัน แม้ผมจะเสียเปรียบ ด้านกำลัง แต่ผม ก็ได้เปรียบ รู้ยุทธภูมิของมัน

ผมกับนัท ตัดสินใจไปพบ ศินาท ซึ่งเป็นเพื่อนสาวของผม เธอปฏิบัติหน้าที่ ที่ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับเลือด ผมขอร้องให้เธอ ช่วยตรวจผลเลือดให้ผม ศินาท เอาตัวอย่างเลือดของผม ไปตรวจที่แล็บ หนึ่งวันเต็มๆ ปรากฏว่าเลือดกรุ๊ปเอบีของผม มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถสร้างภูมิต้านไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ กำลังแพร่ระบาดในประเทศจีน

ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ตีพิมพ์ไปทั่ว ว่ามีคนไทยหลายคน ในเขตจังหวัดลำปาง เชียงราย เชียงใหม่ หายสาบสูญไป อย่างไร้ร่องรอย ตำรวจไม่สามารถสืบหา ต้นตอได้ ผมบอกเธอว่า ผมรู้แหล่งต้นเหตุ ศินาท บอกว่า เธอจะไปแจ้งความ ผมบอกทำอย่างนั้นไม่ได้ ผู้ที่ไปแจ้งความ ก็จะถูกฆ่าไปด้วย ทุกอย่างต้องเป็นความลับ ศินาท หาทางออกโดย ให้ผมไว้ใจเธอ นำความไปเล่าให้ นายทหารคนหนึ่งฟัง พันเอกกระจ่าง ประจำหน่วยจู่โจม กองทัพภาคที่สาม

ผมไม่รอพบใครอีกแล้ว ก่อนผมจะจากไป เธอขอร้อง ให้ผมเขียนบันทึก สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไว้ให้เธอ มันอาจเป็นทางออกที่ดี สำหรับผมก็ได้ ผมตกลง เขียนจดหมาย เล่าความจริง ต่อจากนั้น ให้เป็นหน้าที่ของ ศินาท จัดการเอง

ผมกับนัท ขับรถย้อนกลับ ไปที่เดิม ใช้เวลาครึ่งวัน เป้าหมายของผม คือ ไปทลายแหล่งอาชญากรรม ให้สิ้นซาก ผมกับนัท ไม่มีคนข้างหลัง ให้เป็นห่วงอีกแล้ว เราสองคน ตัดสินใจช่วยกัน ทำลายแหล่งอาชญากรรมโสมมด้วยตนเอง ผมมารู้ทีหลังว่า ผมนี่โง่และบ้าได้เรื่องจริงๆ แต่จะทำอย่างไรได้ ตอนนั้น ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่า ได้ทำอะไรลงไป

ผมใช้เงินที่เหลือทั้งหมด ไปซื้ออาวุธ เงินถึงอาวุธก็ได้มาเร็ว นัทพาผม ไปเอารถจักรยานยนต์ ที่ผมซื้อให้ ที่บ้านของเขา มันยังอยู่ดี นัทขับมันไป ที่อู่ซ่อมรถ ของพ่อของเขา ซึ่งซ่อนอยู่อีกที่หนึ่ง ของหมู่บ้าน มันมีเครื่องมือ ดัด ตัด ต่อ เชื่อม ไว้เพรียบพร้อม ผมถามเขาว่า เขาแน่ใจหรือ ที่จะเอารถใหม่ มาปู้ยี้ปู้ยำกับสงครามบ้าๆ นี่ เขาหัวเราะผม และบอกว่า เสร็จงานเมื่อไร่ เขาจะไปทวงเอากับพวกคนร้าย ผมคิดว่า นัท เริ่มทำตัวเหมือนผม เข้าไปทุกขณะ ดังนั้น นัทกับผม อาศัยอู่ซ่อมรถ ช่วยกันออกแบบ ซ่อนอาวุธไว้ในรถ เชื่อมต่อหน้ากาก ป้องกันกระสุน พวกเราโหมทำงานกันทั้งวันทั้งคืน มันก้าวหน้าไป เพราะประสบการณ์วิชาช่างของนัท เท่าที่เขามี การวางแผนโจมตี นัทมอบให้เป็นหน้าที่ของผม ในฐานะเคยเป็นทหารผ่านศึกภาคใต้มาแล้ว เราตกลงกันว่า เราจะไม่ลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย เด็ดขาด ผมกับนัท จะทำกันเพียงสองคน เลือดบ้าของผม มันสูบฉีดได้ที่ แต่เลือดบ้าดีเดือด ของนัท มันสูงกว่าผมเสียอีก

สามวันผ่านไป ทุกอย่างพร้อม สำหรับการเผชิญหน้ากับข้าศึก นัท เตรียมพร้อม ทั้งอาวุธประจำตัว และอาวุธติดตั้งที่ตัวรถ บวกกับความเชี่ยวชาญ ในการขับขี่รถ จักรยานยนต์วิบาก ส่วนผม ขับรถยนต์คู่ชีพ ที่ถูกดัดแปลง ให้เป็นรถ ในสนามรบ. ผมกับ นัท ควบรถประจำตัว ออกไปพร้อมๆ กัน ณ เป้าหมาย ที่เราสองคนรู้ดีว่า มันซ่อนอยู่ที่ไหน

แค่ชั่วอึดใจ มันอยู่ที่นั่น บ้านหลังนั้น ซ่อนอยู่ในป่า หลังสุสานร้าง ผมกับนัท เอารถไปซ่อนไว้ ในพุ่มไม้หนา และตัดกิ่งไม้บังไว้อีกชั้นหนึ่ง เป็นสัญลักษณ์ เสร็จแล้ว วางกับระเบิดไว้ เป็นจุดๆ ผมใช้กล้องส่องดูว่า บริเวณรั้วบ้าน มีกล้องวงจรปิด อยู่ตรงไหนบ้าง พวกคนร้าย ติดตั้งกล้องวงจรปิด ที่รั้วบ้าน ทุกระยะสิบเมตร ผมตำหนิคนพวกนี้ว่า เรื่องอื่น ฉลาด แต่เรื่อง รักษาความปลอดภัยนี่ ช่างโง่ซะจริง ตั้งกล้องแบบประเจิดประเจ้อ ให้ผมจับได้ แต่มาคิดอีกที มันเป็นความฉลาดของผมต่างหาก

ก่อนเข้าไปในบ้าน ผมต้องกำจัด กล้องวงจรปิด ตัวใดตัวหนึ่ง นัท ค่อยๆ คลานเข้าไป จนถึงกล้องตัวหนึ่ง เอาแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำขึ้น พร้อมกับดิสก์ ที่บรรจุไฟล์วิดีโอ ต่อเข้ากับกล้องตัวหนึ่ง ผมคิดว่ามันคงได้ผล พอหลอกพวกคนร้าย ได้สักระยะหนึ่ง

เมื่อข้ามพ้นเขตรั้วบ้าน ไปได้แล้ว แต่ยังไม่ถึงตัวบ้านดี หมาสองตัวได้กลิ่น พวกผมสองคน เรื่องมันจึงยุ่งยากมากขึ้น มันขู่ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ ผมจึงตัดสินใจ ยิงหมาตายไปทั้งสองตัว แล้วรีบเข้าไปให้ถึงตัวบ้าน ให้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกคนร้าย จะแห่กันมา พวกผม สังเกตเห็น จากช่องเล็กๆ เหนือพื้นดิน ที่ผนังบ้าน มีคนจำนวนมาก ถูกขัง ในห้องใต้ดิน ผมมีแผนในใจ ผมสั่งให้นัท วางกับระเบิดที่ด้านหลังของห้องใต้ดิน หน่วงเวลาไว้ 3 นาที ผมต้องทำงานแข่งกับเวลา รีบไปที่ด้านหน้า แล้ววางระเบิดประตูหน้าของตัวบ้าน แผนก็คือ เมื่อประตูเปิดออก ด้วยแรงระเบิด คนที่ถูกขังข้างใน จะวิ่งกรูกันออกมา เพื่อสร้างความสับสน ให้กับพวกมัน ผมเปิดโอกาสให้คนที่ถูกขัง มีโอกาสรอด มากกว่าตายอยู่ในบ้าน

ทุกอย่าง เป็นไปตามแผน 3 นาที ให้หลัง เสียงระเบิด ดังสนั่นหวั่นไหว ต่อมา เสียงปืน ดังขึ้น จากทางทิศเหนือ ผมพูดวิทยุ สั่งให้นัท รีบหนีออกมา เขาบอกว่า ยังเหลืออีกสามจุด ที่ยังไม่ได้วางระเบิด ผมบอก ไม่ต้องแล้ว รีบหนีเอาตัวรอดก่อน พวกมัน รุมสาดกระสุนใส่นัท ผมสั่งให้นัท ซ่อนตัว ให้พ้นวิถีกระสุน รอผมอยู่ที่นั่น ผมรีบเข้าไปช่วยเขา ผมประเคน อาวุธของผมที่มีทั้งหมด ส่งให้พวกมัน แบบไม่ยั้งมือ สนั่นลั่นป่า ชนิดที่เรียกว่า อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ต้องเรียกพี่ หน่วยคอมมานโด ต้องก้มหัวให้

นัท พยายามตะเกียกตะกาย หนีเอาตัวรอด กลับมาให้ผมเห็น ก่อนที่ผมจะไปถึงตัวเขา เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย. ผมต้องรีบตัดสินใจ ใช้แผนที่สอง เมื่อรวบรวมกำลังพลที่เหลือ ซึ่งมีกันแค่สองคน หันหลังพิงกัน ยิงโต้พวกมันไปด้วย ล่าถอยไปด้วย ระเบิดเริ่มทำงานเป็นจุดๆ จนบ้านพังพินาศไปซีกหนึ่ง ส่วนอีกซีกหนึ่ง ยังเหลืออยู่ เพราะไม่ได้วางระเบิด

ผมกับนัท ถอยร่นออกมา จนถึงที่ซ่อนรถ แล้วรีบเอารถออก ผมสตาร์ท รถยนต์ นัทควบจักรยานยนต์ นำหน้าผมไป พวกมันก็มีเขี้ยวเล็บ ไม่แพ้พวกผมเช่นกัน รถของพวกคนร้าย ไล่จี้ตามหลังผมกับนัทมาติดๆ แต่พวกมัน ยิงไม่ถนัด กระสุนวิ่งเฉียดนัท ทางโน้นที ทางนี้ที ดูน่าหวาดเสียว ผมวิทยุให้นัท เป็นตัวล่อ ผมรอจังหวะ ให้พวกมัน เข้ามาใกล้ ที่เนินดิน เมื่อได้ระยะยิง ผมสาดกระสุนปืน ที่ติดตั้งซ่อนไว้ในรถ มันเริ่มทำงาน ตามประสาของมัน แต่ได้ผลเกินคาด ผมชำเรืองดูนัท ตอนนี้ เขาได้กลายเป็นฮีโร่สำหรับผมไปแล้ว นัทก็มีพิษสงไม่ย่อย ปืนที่ติดอยู่ข้างรถ ทำให้คนร้าย ที่ควบจักรยานยนต์ตามมา ตายเป็นใบไม้ร่วง

องก์-3

เหตุการณ์ เริ่มสงบลง เหมือนมหาสงครามเพิ่งผ่านพ้นไป พวกคนร้ายที่เหลือเพียงซึ่งมีไม่กี่คน ก็ล่าถอย รถของผม มีรูพรุนไปทั้งคัน แต่ทันใดนั้น ผมได้ยินเสียง เฮลิคอปเตอร์บินผ่านหัวผมไป มันบินมาสี่ลำ ผมกับนัท ขับรถมตามเฮลิคอปเตอร์ไป จนถึงบริเวณโล่งๆ ซึ่งไม่ห่างจากบ้านหลังนั้น ซึ่งตอนนี้เหลือแต่ซาก เฮลิคอปเตอร์ ทั้งสี่ลำ ค่อยๆ ร่อนลง ทหารกรูกันลงมาที่พื้น พร้อมอาวุธครบมือ รุดเข้าล้อมซากบ้านหลังนั้นไว้

โธ่! พวกเขา ช่างมากันเร็วซะเหลือเกิน ทหารหน่วยจู่โจม จำนวน 20 นาย เข้าไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุ ภายในบ้าน พบห้องแล็บ ซึ่งเหลือแต่ซากผุพัง ทหารจับคนร้ายได้ จำนวนกว่าสิบคน ส่วนใหญ่บาดเจ็บ ตายก็เยอะ เหยื่อเคราะห์ร้าย ที่ถูกจับขังในห้องใต้ดิน ส่วนใหญ่มีชีวิตรอด เพราะหนีออกไปได้ ก่อนระเบิดจะทำงาน ผมกับนัท ถูกทหารผู้หนึ่ง พาไปพบกับ ผู้บัญชาการ ผมเห็นเขาข้างหลัง ผมก็จำได้ว่าเขาเป็นใคร เขายืนเคียงคู่กับ ผู้หญิงในชุดทหาร เธอคือ ศินาท ผู้ที่ผมไว้วางใจ เมื่อผมพบศินาท เธอบอกกับผมว่า เธอเป็นคน เอาจดหมาย ที่ผมเขียนฝากไว้ ไปแจ้งให้ ผู้พันกระจ่าง ทราบเรื่องทั้งหมด เธอแนะนำผม ให้รู้จักกับ ผู้พันกระจ่าง แต่ผู้พัน กลับเป็นฝ่าย ทักทายผมก่อน ศินาท แปลกใจ ผู้พันบอกกับเธอว่า ผมนี่บ้าได้ที่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าท่านตำหนิหรือชมกันแน่ ท่านดีใจที่ได้พบผมอีก หลังจากผมลาออก จากการเป็นทหาร หลังเสร็จสิ้น ภารกิจเสี่ยงตาย ที่ภาคใต้ ท่านยังบอกอีกว่า ท่านเชื่อว่า นี่คือฝีมือระดับมหากาฬ ไม่มีใครทำได้เละเทะอย่างนี้หรอก นอกจากจ่าเดี่ยว ผมบอกว่า ลำพังผมคนเดียว ทำไม่ได้ ถ้าไม่มีหนุ่มบ้าดีเดือด ชื่อ นัท ผู้พันกระจ่าง รู้สึกพอใจมาก

อีกหนึ่งเดือนต่อมา กองทัพบก ประกาศเชิดชู ความสามารถของผมและนัท ให้สื่อมวลชนทราบ ที่ทลายแหล่งอาชญากรรมต่างชาติ ได้สำเร็จ ผมได้รับสวัสดิการ เป็นเงินจำนวนหนึ่ง พอเลี้ยงครอบครัว ไปได้อีกนาน ส่วนนัท ได้รับบรรจุ ให้เป็นนักเรียน ในโรงเรียนทหารช่าง กรมการทหารช่าง สมความปรารถนา พร้อมติดยศจ่าสิบตรี ให้อีกต่างหาก

จบ.

Film school – Plot Date: Copyright 20 กรกฎาคม 2557
รวมเรื่องราวดีๆ รอคุณอยู่ที่ ชุมชน คนคิดดี / ชุมชน คนคิดดี / บทความ หนังสือ ร้อยกรอง เพลง

 



Get $30* off on flights for Students. Book Now!

Dork Devils

Plot Outline  by  SUDIN CHAOHINFA, igood media.

Theme:

When their loved ones were killed. He do not have an obligation to be concerned with the fanatical frenzy, blood revenge, so he thought he could not do what other do.

Genre:

Action-comedy

Synopsis:

My name is DIEW. I am a veteran in South ago. Back home, be foolish, but I have a wife and children. And when I met a man filial piety, NUT. His brave and spirited daredevil help keeps me taking away from a hideout of criminals. Inadvertently, I and him was facing the same problem with the deadliest for the criminals killed his parents, my wife and children. Our had nothing to hope and concerned more. The seal is minded to attack the crime was eradicated with crafts of their own, without anyone to get involved.

ACT-I

In the morning I woke up and felt. I do not know how long slept but felt more refreshed daily. I continue to be held in fortunately, they were not trussed me. I’ve been doing this since I was in this room. I do not know they’ll let me in as a guest or hostage or prisoner, because they are serving my food, cut off death and escape. This room has comfortable bed and the bathroom. The sentinel will watch me on CCTV that I’m going to do in this room. Exactly I must escape from here but must a good plan. I need to get away from here. But must plan carefully. I was not in a hurry and find the prefect tracking.

By the time I began to plan my escape. A long time has passed until the man who watching monitor’s cctv to have not see me in the room. He told other ones come to see me. All men dress uniform like the China’s army, Khun Sa’s solder.

But I guess they are not solder. The two man were carrying guns into the room and do not see me. They have ransacked the room by then a man found a loophole.

I had made a loophole and hidden it. He is very angry and called his friend to chase me. I think already that what happens after I escaped succesful. Their chief tell caught me as alive, if ones take me die, he would die as I go by. I think I must have some significance to them of course. Their chief had issued orders not to kill me. And was caught and sent back by still breathing.

The chief was very angry that his minions let me get away. And even more so angry did not install the GPS track for me in the first. I thought this was brilliant again as very smart. I hid in a blanket do not let them see and then opened the loophole before them coming for the trick is confusing and misleading.

I waited until the afternoon, everything is quiet. I think that they find me outside. Almost all will go well without knowing that I was still in the house. I took myself away to the escape hatch. I ‘ve already put a chicane. It is a hole that can fit through the body, but before I go, I break a camera of cctv.

It seems that they are careless for security, let the lab door open. Probably because them was too grand. I snack inside the lab for be helpful grabbed it first. I pulled the drawer open and rushed down quickly until I discovered one thing by chance. It becomes a factor the adventurous life of me changed.

I could not believe my eyes. There is a lot of money. I took all it in the drawer. It has five folios I do not have too much time counting the stack. So it was a bills per thousand baht.

I stuffed the money into a backpack and take it with me. I think the money just is not enough to claim that they do to me. This is not the only interest. At first, I had to find a gun to protect self-defense. But then late, because there was a fuss walk straight to me. I hurry rushed out of the lab, before they came to see.

I yank out the back door and dodge glides along the fence building quickly. Try to go as soon as possible. I was very lucky to dodge CCTV leaving the cemetery there. I head over to the other side of the road. Prickly feet hurt spectacular. But I have to endure to walk barefoot.

I had to hurry and careful as possible. The luck did not maybe favor me all the time. In the streets of the village. I saw a young boy with his the loud noise off-road motorcycle go shopping at the store.

Fortunately, today no ones in there. I’m waiting for him to complete the purchase. He ran to the corner and turn, while his slow speed I jump intervenes to him. he suddenly stopped it almost hit me and almost fell. I apologized him and employed to deliver the market. He seemed reluctant because I was a stranger and was not wearing shoes.

I asked his name. He said that name, NUT. Not to waste time, I hired a job took hurry me to the town. I made motivation by gift him money, one thousand Baht. NUT agreed to take me before the villain will be followed up. I told to take shortcuts or the other way that are less car. He wonder why he take that, it is both slow and rough. I told him about my missions, Space exploration. I reasoned that need survey the scenery around. He paused briefly. And told me that fortunate to have off-road motorcycle, Otherwise he will not go this way.

ACT-II

On the way, I became to be very familiar with him. He has a father, mother and brother, he is studying the third-class of The Technical institutes College at the province. His father, a professional truck driver. He had been help his father drove a truck to deliver the goods in the South. I think that he is a grateful man. NUT also goes on to say has the best skills of a mechanic, but he is well liked electronics than. I asked him, Has the college taught about electronics? He say not have, he learned from the Internet.

At the town, I pay him the remaining as agreed. After that he told to go home and find a friend. But I did not he gone,
I asked him to find a friend and not anything but if help me to do something easier and get money, what will he do?
NUT paused for a moment. He thought I was lying or telling the truth. In the past, As I suggested earlier, he seems to think. To buy loyalty, I suggested that, pending a decision. I begged him took me to buy shoes, clothes and a haircut. I took out two thousand baht stuffed into his pants pocket immediately. He was surprised my open-mindedness, I thought he looked more friendly.

I asked him that his bike, how much is purchased. He told thirty thousand baht from his friends. I asked him that he wanted a new bike, or not? He said, yes. He had to spend the money for a long time, almost a year to buy this bike. He asked me to pretend that I would be going to buy a new bike for him. I said right. He showed his delight and surprise, He laugh and think I was joking.

I submit the following terms that I would buy it now, just ask he promised help me to do something. He looks a lot more confidence in me. He undertake immediately. After I said I wanted go to Bangkok, he laughed immediately would give him a ride the crash bike to Bangkok.

I shut up and not say anything, let he laugh like that. NUT took me to buy shoes, clothes and take me to the barbershop. Instead he took to the barber shop for men, but he took me to the hair salon. It’s for woman. He claimed that the hair salon has a services include haircuts, hair styling salon is decorated in a variety of style than barber shop. For the first time, I thought he was crazy at this bloke as well. And I was mad experiments with him about.

I let him sit with me in the barber shop. Hairdresser was bisexual to take me up to 45 minutes for change my style face. NUT look at me do not remember nearly as well. I think this will create a surprise to me and him. I pay a reward to hairdresser with money.

In late affternoon I and NUT went to a food shop where another seen. Exactly, I do not thuggeries traceable me. For a reason to him, I do not my wife follow me. She was to be fussy. While I go to my job a province, she engaged likely someone watching me. He believed my tale. He told me that my wife has a habbit alike his mom to cause his dad get bored as me done. It made to force laugh and that a start of our friendly.

I took him at a motorcycle shop and let him chosen oneself. He did not high class. He had simple tastes, so I do not waste money on buying him a motorcycle. In the inflated prices. Its funny that, he instead chose an expensive luxury bike. But he chose a motocross high power engine. In a little bit, he thought that it was very expensive. At first, I thought that at least two or three hundred bath per case.

I saw him most excited. While he was sitting on the seat. And receipt the name of his own car. He came to hug me, I suggested that while he was helping me. I ordered the owner bike shop packed to the transport it. I think at least two or three days to reach his home. Its that is good for him. He was very satisfied and ready to do what I command. So I bought him really.

film school - plot outline - dork devils

film school – plot outline – dork devils

film school - plot outline - dork devils

film school – plot outline – dork devils

film school - plot outline - dork devils

film school – plot outline – dork devils

Original English script, Contact me: sudin.expert@yahoo.com

One Response to บัดดี้ มีไว้ให้เดือด – Dork Devils

  1. เรื่องนี้ ปิดเรื่องแล้ว อยู่ระหว่าง จัดทำ English script … ส่วนจะมีเวลาเขียน screenplay เมื่อไหร่ ยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะ ขณะนี้ ยังค้าง screenplay เรื่อง ไขความลับ กลับจักรวาล (Seek for Return) อยู่ครับ

    Permalink